10 คำถามยอดฮิตเรื่องประกัน ที่คนไทยมักเข้าใจผิด!

 10 คำถามยอดฮิตเรื่องประกัน ที่คนไทยมักเข้าใจผิด!

แม้ว่าการทำประกันจะกลายเป็นเรื่องใกล้ตัวของคนไทยมากขึ้นในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา แต่ก็ยังมีหลายคำถาม และความเข้าใจผิดที่พบบ่อย ซึ่งอาจทำให้คนจำนวนมากเลือกแผนประกันที่ไม่ตรงกับความต้องการ เสียสิทธิ์บางอย่างไปโดยไม่รู้ตัว หรือเข้าใจผิดเกี่ยวกับการเคลม การเวนคืน และผลประโยชน์ต่างๆ

บทความนี้จะมาช่วยไขข้อข้องใจ ด้วยการรวบรวมคำถามยอดฮิตเกี่ยวกับประกันที่คนไทยมักเข้าใจผิด พร้อมคำอธิบายแบบตรงไปตรงมา จากมุมมองของผู้เชี่ยวชาญในวงการประกัน

ประกัน

คำถามที่ 1: ประกันชีวิต กับ ประกันสุขภาพ คืออันเดียวกันหรือไม่?

คำตอบคือ ไม่ใช่ ถึงแม้ว่าทั้งสองแบบจะเป็น “ประกัน” ที่เกี่ยวกับสุขภาพและชีวิตของผู้เอาประกัน แต่มีความแตกต่างกันชัดเจน

  • ประกันชีวิต จะให้เงินก้อนเมื่อผู้เอาประกันเสียชีวิต หรืออยู่จนครบสัญญา

  • ประกันสุขภาพ จะจ่ายค่ารักษาพยาบาล เมื่อเจ็บป่วยหรือประสบอุบัติเหตุ โดยไม่เกี่ยวกับการเสียชีวิต

หลายคนซื้อประกันชีวิตแล้วคิดว่าตนเองมีความคุ้มครองค่ารักษาพยาบาล ซึ่งเป็นความเข้าใจที่ผิด และอาจนำไปสู่ปัญหาการเงินเมื่อต้องเข้ารักษาพยาบาลจริง

คำถามที่ 2: ประกันชีวิตที่มีเงินคืน ดีกว่าแบบไม่มีเงินคืนใช่ไหม?

คำตอบคือ ไม่เสมอไป เพราะแม้ประกันชีวิตแบบมีเงินคืนหรือแบบสะสมทรัพย์จะดูน่าสนใจ เพราะมีเงินคืนระหว่างทางและผลตอบแทนเมื่อครบสัญญา แต่เบี้ยประกันจะสูงกว่าแบบไม่มีเงินคืนค่อนข้างมาก

หากเป้าหมายหลักคือ “คุ้มครองชีวิต” แบบที่ไม่มีเงินคืน (Term Life) อาจตอบโจทย์มากกว่า เพราะให้ความคุ้มครองสูงในราคาที่ต่ำ โดยเฉพาะในช่วงวัยทำงาน

คำถามที่ 3: ประกันชั้น 1 คุ้มครองทุกอย่างจริงหรือ?

ความเข้าใจผิดนี้เกิดขึ้นบ่อยมากในประกันรถยนต์ หลายคนคิดว่าซื้อประกันชั้น 1 แล้ว “จะเกิดอะไรขึ้นก็เคลมได้หมด” ซึ่งไม่เป็นความจริง

ประกันชั้น 1 แม้จะครอบคลุมมากที่สุดในบรรดาประกันรถยนต์ทั้งหมด แต่ก็ยังมีข้อยกเว้น เช่น

  • กรณีขับรถขณะเมาสุรา

  • รถใช้ในสนามแข่ง

  • ความเสียหายจากภัยธรรมชาติที่ไม่ได้ระบุในกรมธรรม์

ดังนั้นควรอ่านข้อยกเว้นของแต่ละบริษัทให้ละเอียดก่อนทำประกัน

คำถามที่ 4: เวนคืนกรมธรรม์แล้วได้เงินคืน 100% ใช่ไหม?

อีกหนึ่งความเข้าใจผิดที่พบบ่อย โดยเฉพาะกับผู้ที่เพิ่งเริ่มทำประกันชีวิต

จริงๆ แล้วการเวนคืนกรมธรรม์ (ยกเลิกสัญญากลางคัน) จะได้รับเงินคืนบางส่วนเท่านั้น และโดยปกติแล้วในช่วง 2–3 ปีแรก เงินเวนคืนจะ “ต่ำมาก” หรือแทบไม่มีเลย

การเวนคืนจึงควรเป็นทางเลือกสุดท้าย และควรปรึกษาตัวแทนหรือเจ้าหน้าที่ก่อนตัดสินใจ

คำถามที่ 5: เคลมประกันสุขภาพต้องสำรองจ่ายก่อนเสมอหรือไม่?

ไม่จำเป็นเสมอไป ปัจจุบันประกันสุขภาพหลายบริษัทมีระบบ “เคลมแบบไม่ต้องสำรองจ่าย” กับโรงพยาบาลคู่สัญญา เพียงแค่แสดงบัตรผู้เอาประกัน ก็สามารถใช้สิทธิ์ได้ทันที

แต่หากไปรักษาที่โรงพยาบาลที่ไม่ได้อยู่ในเครือข่าย อาจต้องสำรองจ่ายไปก่อน และนำใบเสร็จไปเบิกกับบริษัทประกันในภายหลัง

คำถามที่ 6: ซื้อประกันออนไลน์ ปลอดภัยไหม?

ปัจจุบันการซื้อประกันผ่านออนไลน์มีความปลอดภัยมากขึ้น โดยเฉพาะถ้าเป็นเว็บไซต์ของบริษัทประกันโดยตรง หรือของพันธมิตรที่ได้รับอนุญาต เช่น ธนาคาร ห้างสรรพสินค้า หรือแพลตฟอร์มประกันชื่อดัง

แต่ต้องระวังเว็บไซต์ปลอม หรือการโฆษณาที่เกินจริง ควรตรวจสอบว่าเว็บไซต์มีใบอนุญาตจากสำนักงาน คปภ. และมีช่องทางติดต่อที่ชัดเจน

คำถามที่ 7: ผู้สูงอายุสมัครประกันไม่ได้แล้วใช่ไหม?

ไม่จริง! ปัจจุบันมีประกันชีวิตและสุขภาพที่ออกแบบมาเฉพาะสำหรับผู้สูงอายุ เช่น ประกันชีวิตแบบไม่ตรวจสุขภาพ (No Underwriting) หรือประกันที่เปิดรับคนอายุ 60–75 ปี

แม้เบี้ยอาจสูงกว่าคนวัยทำงาน แต่ก็ยังเป็นทางเลือกสำหรับผู้ที่อยากวางแผนไว้ให้ครอบครัว

คำถามที่ 8: มีประกันสังคมอยู่แล้ว ไม่ต้องซื้อประกันเพิ่มก็พอ?

แม้ประกันสังคมจะให้ความคุ้มครองพื้นฐาน เช่น ค่ารักษาเงินทดแทนรายได้เมื่อเจ็บป่วยหรือคลอดบุตร แต่ วงเงินคุ้มครองยังมีข้อจำกัด และอาจไม่ครอบคลุมการรักษาที่มีราคาสูง หรือโรงพยาบาลเอกชน

ดังนั้น การมีประกันสุขภาพเสริม หรือประกันชีวิตควบคู่กับประกันสังคม จะช่วยเติมเต็มความคุ้มครองให้ครอบคลุมมากขึ้น

คำถามที่ 9: ประกันที่มีดอกเบี้ยสูง คือแบบที่ดีที่สุด?

คำตอบคือ ไม่เสมอไป บางแผนประกันเสนอผลตอบแทนสูงก็จริง แต่ต้องพิจารณาให้ครบทุกมิติ เช่น

  • ต้องจ่ายเบี้ยสูงหรือเปล่า?

  • ต้องถือสัญญานานเท่าไหร่?

  • เงินคืนมีเงื่อนไขหรือไม่?

  • มีความเสี่ยงเรื่องการลงทุน (เช่น ประกันควบการลงทุน: Unit-linked) หรือเปล่า?

ต้องเข้าใจว่า ประกันไม่ใช่ผลิตภัณฑ์การลงทุนโดยตรง และผลตอบแทนไม่การันตีเสมอไป

คำถามที่ 10: ซื้อประกันแล้ว ยกเลิกภายหลังไม่ได้เลย?

จริงๆ แล้วตามกฎหมายของสำนักงาน คปภ. ผู้ซื้อประกันสามารถ ขอยกเลิกภายใน 15 วัน นับจากวันที่ได้รับกรมธรรม์ฉบับจริง โดยจะได้รับเบี้ยคืนเกือบทั้งหมด (หักค่าเวนคืนเล็กน้อย)

แต่หากเลยจากช่วงเวลาดังกล่าวแล้ว การยกเลิกจะถือเป็นการเวนคืน ซึ่งอาจทำให้เสียสิทธิ์บางประการ

เพราะฉะนั้นควรตรวจสอบเงื่อนไขภายในกรมธรรม์ให้ละเอียดก่อนเซ็นรับ และอย่าลังเลที่จะสอบถามกับเจ้าหน้าที่หรือหน่วยงานกลาง

บทสรุป: ความรู้เรื่องประกันคือเกราะป้องกันที่ดีที่สุด

เมื่อเข้าใจเรื่องประกันอย่างถูกต้อง การเลือกแผนที่เหมาะสมกับความต้องการก็จะกลายเป็นเรื่องง่ายขึ้น ไม่ว่าจะเป็นประกันชีวิต ประกันสุขภาพ หรือประกันรถยนต์ สิ่งสำคัญที่สุดคือ

  • อ่านเงื่อนไขกรมธรรม์ให้ชัด

  • ถามเมื่อไม่เข้าใจ

  • เปรียบเทียบก่อนตัดสินใจ

ความรู้ในเรื่องประกัน ไม่ได้เป็นแค่เรื่องของการเงิน แต่ยังเป็นการวางแผนชีวิตที่รอบคอบ เพื่อความมั่นคงของตัวเองและครอบครัวในระยะยาว

Related post