เหตุการณ์แผ่นดินไหว: ผลกระทบต่อประเทศไทยและเบอร์โทรศัพท์สายด่วนที่ควรเก็บไว้


วันที่ 28 มีนาคม 2568 เป็นวันที่ประชาชนทั้งในประเทศไทยและประเทศเมียนมาไม่อาจลืมได้ หลังจากที่เกิดเหตุแผ่นดินไหวขนาด 8.2 แมกนิจูด ที่ประเทศเมียนมา ซึ่งมีแรงสั่นสะเทือนรุนแรงถึงขั้นที่ส่งผลกระทบมายังพื้นที่ต่างๆ ของประเทศไทย โดยเฉพาะในจังหวัดที่ตั้งอยู่ใกล้แนวพรมแดน ทำให้หลายพื้นที่ได้รับความเสียหายจากการสั่นสะเทือน อาทิ อาคารบ้านเรือน พื้นที่สาธารณะ และโครงสร้างต่างๆ ได้รับความเสียหาย นอกจากนี้เหตุการณ์นี้ยังได้ส่งผลกระทบต่อการเดินทางของประชาชนและการจัดการด้านการช่วยเหลือจากภาครัฐ
เหตุการณ์แผ่นดินไหวครั้งนี้มีความรุนแรงอย่างมาก ซึ่งทำให้เกิดความวิตกกังวลไปทั่วภูมิภาค รวมถึงประเทศไทยที่ได้ประสบกับแรงสั่นสะเทือนที่รุนแรงพอสมควร โดยสั่นสะเทือนจากแผ่นดินไหวที่เกิดขึ้นที่ประเทศเมียนมานั้น ทำให้หลายจังหวัดของไทยได้รับผลกระทบจากแรงสั่นสะเทือนและมีอาคารบางแห่งได้รับความเสียหาย ซึ่งเหตุการณ์นี้ได้ก่อให้เกิดการเตรียมความพร้อมจากหน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง รวมถึงการติดตามสถานการณ์และการช่วยเหลือผู้ประสบภัยอย่างรวดเร็ว
ในบทความนี้ เราจะพาไปดูถึงเหตุการณ์แผ่นดินไหวที่เกิดขึ้นในเมียนมาและผลกระทบที่ตามมาในประเทศไทย รวมถึงข้อมูลเบอร์โทรศัพท์สายด่วนที่จำเป็นในการรับมือกับเหตุการณ์แผ่นดินไหวและภัยพิบัติต่างๆ ที่อาจเกิดขึ้น เพื่อให้ประชาชนมีข้อมูลที่พร้อมสำหรับการติดต่อในกรณีฉุกเฉิน
1. เหตุการณ์แผ่นดินไหวที่เมียนมา
เมื่อเวลา 13.20 น. ของวันศุกร์ที่ 28 มีนาคม 2568 เกิดเหตุแผ่นดินไหวขนาด 8.2 แมกนิจูด ที่ประเทศเมียนมา โดยจุดศูนย์กลางของแผ่นดินไหวตั้งอยู่ทางภาคตะวันออกของประเทศ โดยจุดศูนย์กลางอยู่ที่รอยเลื่อนในบริเวณที่ใกล้เคียงกับพรมแดนของประเทศอินเดียและจีน แผ่นดินไหวนี้เกิดขึ้นในลักษณะของการเคลื่อนที่ของแผ่นเปลือกโลกที่มีพลังงานสะสมในระยะเวลานาน ทำให้เกิดการสั่นสะเทือนที่แรง ซึ่งสามารถรับรู้ได้จากการสั่นสะเทือนที่กระจายไปยังประเทศต่างๆ โดยเฉพาะในประเทศที่อยู่ใกล้เคียงกับจุดเกิดแผ่นดินไหว
แผ่นดินไหวขนาดใหญ่ครั้งนี้ไม่ได้ส่งผลกระทบเพียงแค่ในเมียนมาเท่านั้น แต่ยังส่งผลกระทบไปยังพื้นที่อื่นๆ รวมถึงประเทศไทย ซึ่งทำให้เกิดการสั่นสะเทือนในหลายพื้นที่ของประเทศไทย โดยเฉพาะในจังหวัดที่อยู่ใกล้พรมแดนและมีความเสี่ยงจากการเกิดแผ่นดินไหว
2. ผลกระทบที่เกิดขึ้นในประเทศไทย
การสั่นสะเทือนจากแผ่นดินไหวที่เกิดขึ้นในเมียนมานั้นมีผลกระทบในหลายๆ พื้นที่ของประเทศไทย โดยเฉพาะในพื้นที่ที่อยู่ใกล้เคียงกับพรมแดนเมียนมา ได้แก่ จังหวัดเชียงราย, เชียงใหม่, ลำพูน และตาก ซึ่งมีแรงสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง ส่งผลให้ประชาชนที่อาศัยอยู่ในพื้นที่เหล่านี้รู้สึกถึงแรงสั่นสะเทือนและเกิดความตื่นตระหนก
ในส่วนของความเสียหายที่เกิดขึ้นในประเทศไทย มีการรายงานว่า หลายจุดในพื้นที่ได้รับความเสียหายจากแรงสั่นสะเทือน เช่น อาคารบ้านเรือนบางหลังมีรอยแตก, กระจกแตก, หรือแม้กระทั่งบางอาคารที่ไม่มั่นคงก็พังทลายลงมา โดยเฉพาะอย่างยิ่ง อาคารที่กำลังก่อสร้าง เช่น อาคารสำนักงานของสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ใหม่ที่กำลังก่อสร้างได้รับความเสียหายจากแรงสั่นสะเทือนและเกิดการถล่มลงมา โดยไม่สามารถคาดการณ์ล่วงหน้าได้ว่าแรงสั่นสะเทือนจะมีผลกระทบขนาดนี้
นอกจากความเสียหายที่เกิดขึ้นกับอาคารและทรัพย์สินแล้ว การสั่นสะเทือนครั้งนี้ยังได้ส่งผลกระทบต่อการเดินทางของประชาชนที่ใช้เส้นทางถนน โดยการสั่นสะเทือนส่งผลให้เกิดการติดขัดของการจราจรและทำให้หลายเส้นทางต้องถูกปิดเพื่อการตรวจสอบความปลอดภัย
3. เบอร์โทรศัพท์สายด่วนที่ควรเก็บไว้
ในกรณีที่เกิดเหตุการณ์แผ่นดินไหวหรือภัยพิบัติฉุกเฉินอื่นๆ การมีข้อมูลเบอร์โทรศัพท์สายด่วนที่จำเป็นสามารถช่วยให้คุณติดต่อเจ้าหน้าที่หรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ทันที เพื่อขอความช่วยเหลือหากเกิดเหตุการณ์ไม่คาดคิดขึ้น
เบอร์โทรศัพท์สายด่วนที่สำคัญในกรณีแผ่นดินไหว:
- สายด่วนตำรวจ (191): สำหรับการติดต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจในกรณีฉุกเฉิน
- สายด่วนเหตุฉุกเฉิน (1669): สำหรับติดต่อหน่วยบริการทางการแพทย์และการช่วยเหลือผู้บาดเจ็บ
- ศูนย์เตือนภัยพิบัติแห่งชาติ (1860): สำหรับรับข้อมูลเกี่ยวกับภัยพิบัติและคำแนะนำเกี่ยวกับการป้องกันภัย
- สายด่วนการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (1129): สำหรับรายงานปัญหาหรือความเสียหายเกี่ยวกับไฟฟ้า
- สายด่วนการประปา (1662): สำหรับรายงานปัญหาหรือความเสียหายเกี่ยวกับน้ำประปา
- ศูนย์ข้อมูลแผ่นดินไหว (1810): สำหรับรับข้อมูลเกี่ยวกับแผ่นดินไหวและการเตือนภัย
- หน่วยงานท้องถิ่น: สำหรับติดต่อหน่วยงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยในพื้นที่ที่เกิดเหตุ
4. วิธีการป้องกันตัวและการเตรียมความพร้อม
การเตรียมตัวให้พร้อมสำหรับแผ่นดินไหวเป็นสิ่งที่สำคัญ เพื่อช่วยให้คุณสามารถเอาตัวรอดและลดความเสี่ยงที่จะเกิดอันตรายในกรณีฉุกเฉิน เช่น
- หาที่หลบซ่อนที่แข็งแรง: ในกรณีที่อยู่ในอาคาร ควรหลบใต้โต๊ะหรือเตียงที่แข็งแรง เพื่อป้องกันจากเศษวัสดุที่อาจตกลงมา
- อย่าใช้ลิฟต์: ในระหว่างเกิดแผ่นดินไหว ควรหลีกเลี่ยงการใช้ลิฟต์ เพราะมันอาจติดขัดหรือล้มเหลว
- มีชุดอุปกรณ์ฉุกเฉิน: ควรเตรียมชุดอุปกรณ์ฉุกเฉิน เช่น น้ำดื่ม, อาหารแห้ง, ไฟฉาย, ยา และเอกสารสำคัญที่สามารถใช้ได้ในกรณีฉุกเฉิน
- ฟังข่าวสาร: คอยติดตามข่าวสารจากทางการผ่านช่องทางต่างๆ เช่น โทรทัศน์ วิทยุ หรือสื่อออนไลน์ เพื่อรับข้อมูลการช่วยเหลือและคำแนะนำในการปฏิบัติตัว
5. สรุป
แผ่นดินไหวที่เกิดขึ้นในประเทศเมียนมาเมื่อวันที่ 28 มีนาคม 2568 เป็นเหตุการณ์ที่สร้างความวิตกกังวลให้กับประชาชนในหลายพื้นที่ โดยเฉพาะในประเทศไทยที่ได้รับผลกระทบจากแรงสั่นสะเทือนครั้งใหญ่ ซึ่งส่งผลให้เกิดความเสียหายทั้งในด้านโครงสร้างอาคารและการเดินทางของประชาชน การเตรียมความพร้อมในด้านต่างๆ รวมถึงการมีเบอร์โทรศัพท์สายด่วนที่จำเป็น จะช่วยให้ประชาชนสามารถรับมือกับสถานการณ์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
