วิธีเลือกบริษัทเทสดิน: เกณฑ์ ข้อควรถาม และการเปรียบเทียบบริการ



ก่อนเริ่มต้นก่อสร้างอาคาร ถนน หรือโครงการขนาดใหญ่ หนึ่งในขั้นตอนสำคัญคือการทำ เทสดิน เพื่อประเมินคุณสมบัติของดินในพื้นที่จริง ข้อมูลที่ได้จะช่วยวิศวกรในการออกแบบฐานรากที่มั่นคงและปลอดภัย อย่างไรก็ตาม สิ่งที่เจ้าของโครงการและผู้รับเหมามักกังวลคือ “จะเลือก บริษัทเทสดิน อย่างไรให้มั่นใจว่าได้ผลทดสอบที่เชื่อถือได้?”
บทความนี้จึงสรุปเกณฑ์การเลือก ข้อควรถามก่อนจ้าง รวมถึงการเปรียบเทียบบริการเทสดิน เพื่อเป็นแนวทางสำหรับผู้ที่กำลังหาผู้ให้บริการในไทย
1. เกณฑ์ในการเลือกบริษัทเทสดิน
1.1 ประสบการณ์และผลงานที่ผ่านมา
-
ตรวจสอบว่าบริษัทมีประสบการณ์ในงานเจาะสำรวจดินและการทดสอบในพื้นที่ลักษณะใกล้เคียงหรือไม่
-
บริษัทที่เคยทำงานกับโครงการใหญ่ เช่น อาคารสูง โรงงาน สะพาน จะมีความเชี่ยวชาญมากกว่า
-
ควรขอดู รายงานผลทดสอบตัวอย่าง ที่บริษัทเคยทำ เพื่อประเมินคุณภาพการนำเสนอข้อมูล
1.2 ใบอนุญาตและการรับรอง
-
ตรวจสอบว่าบริษัทมี วิศวกรโยธาที่ได้รับใบประกอบวิชาชีพ (กว.) ดูแลหรือไม่
-
ห้องปฏิบัติการที่ใช้ทดสอบดินควรผ่านการรับรองมาตรฐานจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
-
ในบางโครงการภาครัฐ อาจกำหนดให้บริษัทต้องมีการรับรองตามมาตรฐาน ISO/IEC 17025
1.3 มาตรฐานการทดสอบ (ASTM, AASHTO, กรมโยธาฯ)
-
บริษัทที่น่าเชื่อถือจะอ้างอิงวิธีการทดสอบตามมาตรฐานสากล เช่น ASTM (American Society for Testing and Materials), AASHTO หรือมาตรฐานกรมโยธาธิการและผังเมืองของไทย
-
การยึดมาตรฐานเหล่านี้ช่วยให้ผลทดสอบสามารถนำไปใช้ในการออกแบบได้จริง และได้รับการยอมรับจากวิศวกรผู้ออกแบบ
1.4 เครื่องมือและอุปกรณ์
-
บริษัทที่ดีควรมีอุปกรณ์ที่ทันสมัยและได้รับการสอบเทียบ (Calibration) อย่างสม่ำเสมอ
-
ตัวอย่างเช่น เครื่องทดสอบ SPT, CPT, Plate Load Test ต้องอยู่ในสภาพพร้อมใช้งาน
2. ข้อควรถามก่อนจ้างบริษัทเทสดิน
ก่อนเซ็นสัญญาหรือว่าจ้าง บริษัทเทสดิน ควรเตรียมคำถามสำคัญ เช่น:
-
บริษัทมีประสบการณ์กี่ปี?
และเคยทำโครงการใดบ้างที่คล้ายกับงานของเรา -
ทีมงานมีวิศวกร กว. ควบคุมหรือไม่?
เพราะรายงานที่ไม่มีลายเซ็นวิศวกรอาจใช้ไม่ได้ในงานราชการ -
ใช้มาตรฐานการทดสอบใด?
เช่น ASTM, AASHTO, หรือกรมโยธาฯ -
เวลาและค่าใช้จ่ายเท่าไหร่?
ระยะเวลาที่ใช้เจาะและออกผลรายงาน รวมถึงค่าใช้จ่ายทั้งหมด -
มีบริการหลังการขายหรือคำปรึกษาหรือไม่?
เช่น หากเจ้าของโครงการต้องการคำแนะนำเพิ่มเกี่ยวกับการออกแบบฐานราก
3. การเปรียบเทียบบริการเทสดิน
3.1 เปรียบเทียบด้านราคา
-
บริษัทเล็กอาจเสนอราคาถูกกว่า แต่ต้องตรวจสอบมาตรฐานการทำงาน
-
บริษัทใหญ่หรือมีชื่อเสียง อาจคิดค่าบริการสูงกว่า แต่ให้ความมั่นใจในคุณภาพ
3.2 เปรียบเทียบด้านความเร็วในการทำงาน
-
บางบริษัทสามารถเจาะสำรวจและส่งผลรายงานได้ภายใน 7–14 วัน
-
บริษัทที่ทำงานช้ากว่านี้อาจไม่เหมาะหากโครงการต้องการความเร่งด่วน
3.3 เปรียบเทียบด้านคุณภาพรายงาน
-
รายงานที่ดีควรมีรายละเอียด เช่น ตารางผลทดสอบ กราฟการเจาะดิน การวิเคราะห์เชิงวิศวกรรม และข้อเสนอแนะในการออกแบบ
3.4 บริการเสริม
-
บางบริษัทอาจมีบริการ ทดสอบเสาเข็ม ควบคู่ไปกับการทดสอบดิน
-
หรือมีทีมวิศวกรที่สามารถให้คำปรึกษาเพิ่มเติมเกี่ยวกับงานฐานราก
4. สัญญาณเตือนที่ควรระวัง
-
บริษัทที่ไม่สามารถแสดงใบอนุญาตหรือรายงานผลงานที่ผ่านมา
-
การเสนอราคาต่ำผิดปกติ โดยไม่มีรายละเอียดชัดเจน
-
ผลทดสอบออกมาเร็วเกินจริง (อาจไม่ทำการทดสอบจริงครบถ้วน)
5. สรุป
การเลือก บริษัทเทสดิน เป็นขั้นตอนสำคัญที่ส่งผลต่อความมั่นคงของโครงสร้างทั้งหมด เกณฑ์หลักที่ควรพิจารณาได้แก่ ประสบการณ์ ใบอนุญาต มาตรฐานที่ใช้ และคุณภาพของรายงานการทดสอบ ก่อนตัดสินใจว่าจ้างควรสอบถามรายละเอียดและเปรียบเทียบหลายบริษัท เพื่อให้มั่นใจว่าได้รับ บริการเทสดิน ที่ถูกต้อง เชื่อถือได้ และคุ้มค่ากับงบประมาณของโครงการ
