ทองขึ้นหรือทองลง? วิเคราะห์แนวโน้มราคาทองคำปี 2025


ทองคำ…แร่ธาตุล้ำค่าที่มนุษย์ใช้เป็นเครื่องแสดงถึงความมั่งคั่งมายาวนานหลายพันปี ยุคสมัยเปลี่ยนไป บางสิ่งอาจล้มหายตายจาก แต่ทองคำยังคงเป็นสินทรัพย์ที่คนทั่วโลกให้ความสนใจเสมอ โดยเฉพาะในยามที่โลกเผชิญกับความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจ การเมือง หรือความขัดแย้งระหว่างประเทศ ไม่เว้นแม้แต่ปี 2025 ที่สถานการณ์โลกยังคงซับซ้อนและผันผวนอย่างยิ่ง บทความนี้จะพาผู้อ่านมาเจาะลึกและวิเคราะห์แนวโน้มราคาทองคำในปี 2025 ว่า “จะขึ้นหรือจะลง?” ด้วยมุมมองทั้งจากปัจจัยพื้นฐาน เศรษฐกิจมหภาค ปัจจัยทางเทคนิค และพฤติกรรมของนักลงทุน
ทบทวนราคาทองคำในช่วงปี 2023–2024: สะท้อนความกลัวและความหวัง
ก่อนจะมองไปข้างหน้า เราต้องย้อนกลับมาดูภาพรวมของราคาทองคำในช่วง 2 ปีที่ผ่านมาเพื่อเข้าใจบริบทที่ส่งผลถึงปี 2025
- ปี 2023 ทองคำเริ่มต้นที่ระดับประมาณ 1,830 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ก่อนพุ่งทะลุระดับ 2,000 ดอลลาร์ในช่วงกลางปี จากความกังวลเรื่องเงินเฟ้อในสหรัฐฯ และความไม่แน่นอนด้านเศรษฐกิจโลก
- ปี 2024 ราคาทองมีความผันผวนตลอดปี จากแรงกดดันของอัตราดอกเบี้ยสหรัฐฯ ที่ยังอยู่ในระดับสูง ประกอบกับความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ เช่น ความตึงเครียดในตะวันออกกลางและยูเครน–รัสเซีย
ราคาทองคำสิ้นปี 2024 ปิดใกล้ระดับ 2,100 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ทำสถิติใหม่อีกครั้ง ส่งผลให้นักลงทุนจำนวนมากหันมาจับตามองทองคำในฐานะ “สินทรัพย์ปลอดภัย” ท่ามกลางความผันผวนของตลาด
ปัจจัยสำคัญที่ส่งผลต่อราคาทองคำในปี 2025
1. อัตราดอกเบี้ยนโยบายของธนาคารกลางสหรัฐ (Fed)
อัตราดอกเบี้ยมีความสัมพันธ์แบบผกผันกับราคาทองคำเสมอ เมื่อดอกเบี้ยสูง ทองคำที่ไม่มีดอกผลดูไม่น่าสนใจเมื่อเทียบกับพันธบัตรหรือเงินฝาก
ในปี 2025 นักวิเคราะห์คาดว่า Fed จะเริ่ม ทยอยลดอัตราดอกเบี้ย หลังจากตรึงไว้สูงถึง 5.25–5.50% ในปี 2023–2024 เพื่อสกัดเงินเฟ้อ
หาก Fed ลดดอกเบี้ยต่อเนื่องในปี 2025 จะส่งผลบวกต่อราคาทองคำแน่นอน
2. ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐ (USD)
ทองคำซื้อขายในรูปของดอลลาร์ ถ้าดอลลาร์แข็งค่า ทองจะดูแพงในสายตาของนักลงทุนต่างชาติ ทำให้ความต้องการลดลง และในทางกลับกัน
ในปี 2025 ค่าเงินดอลลาร์มีแนวโน้มอ่อนลง เนื่องจากการลดดอกเบี้ยของ Fed รวมถึงความไม่แน่นอนทางการเมืองในสหรัฐฯ (ปีเลือกตั้งประธานาธิบดี)
3. เงินเฟ้อทั่วโลก
แม้จะเริ่มชะลอตัว แต่เงินเฟ้อยังไม่กลับสู่เป้าหมายที่ธนาคารกลางต้องการในหลายประเทศ โดยเฉพาะในยุโรปและสหรัฐฯ การที่ค่าครองชีพยังสูง ส่งผลให้นักลงทุนมองหาสินทรัพย์ป้องกันเงินเฟ้อ ซึ่ง “ทองคำ” ถือเป็นตัวเลือกอันดับต้น ๆ
4. ความไม่แน่นอนทางภูมิรัฐศาสตร์
ความขัดแย้งในหลายพื้นที่ของโลกยังคงยืดเยื้อ เช่น
- สงครามยูเครน–รัสเซีย
- ความตึงเครียดในตะวันออกกลาง (อิสราเอล–ปาเลสไตน์)
- การแข่งขันทางภูมิรัฐศาสตร์ระหว่างจีน–สหรัฐฯ
เหล่านี้ล้วนเป็นปัจจัยที่ผลักดันให้นักลงทุนเข้าหาทองคำในฐานะ Safe haven
5. ความต้องการทองคำจากธนาคารกลางโลก
ในช่วง 2–3 ปีที่ผ่านมา ธนาคารกลางในหลายประเทศ (โดยเฉพาะจีน รัสเซีย อินเดีย) ได้สะสมทองคำในคลังอย่างต่อเนื่อง เพื่อกระจายความเสี่ยงจากการถือครองดอลลาร์
ปี 2025 ยังมีแนวโน้มว่าความต้องการทองคำจากภาครัฐจะยังคงสูง เป็นแรงหนุนราคาที่สำคัญ
วิเคราะห์แนวโน้มราคาทองคำปี 2025
มุมมองจากนักวิเคราะห์ตลาดโลก
หลากหลายสำนักวิเคราะห์ชื่อดังออกมาให้มุมมองต่อราคาทองคำในปี 2025 ดังนี้:
- Goldman Sachs คาดว่าทองคำมีโอกาสขึ้นถึง 2,300 ดอลลาร์/ออนซ์ หาก Fed ลดดอกเบี้ยต่อเนื่อง
- JPMorgan ให้เป้าหมายไว้ที่ 2,250 ดอลลาร์/ออนซ์ โดยอิงกับแนวโน้มเงินเฟ้อที่ยังสูงในระยะกลาง
- World Gold Council (WGC) คาดว่าความต้องการทองจะยังสูงจากภาคธนาคารกลางและนักลงทุนรายใหญ่
แนวโน้มจากการวิเคราะห์เชิงเทคนิค (Technical Analysis)
หากพิจารณาจากกราฟรายเดือน (Monthly Chart) ของราคาทองคำ
- แนวต้านสำคัญ: 2,200 – 2,300 ดอลลาร์/ออนซ์
- แนวรับสำคัญ: 1,950 – 2,000 ดอลลาร์/ออนซ์
รูปแบบราคาบ่งบอกถึง แนวโน้มขาขึ้นระยะกลาง–ยาว โดยเฉพาะหากราคาสามารถยืนเหนือระดับ 2,100 ได้อย่างมั่นคง จะมีโอกาสวิ่งต่อได้ถึง 2,400 ดอลลาร์
ราคาทองในประเทศไทย: ขึ้นตามหรือสวนกระแส?
แม้ราคาทองคำโลกจะมีแนวโน้มขึ้น แต่ราคาทองในไทยยังต้องพิจารณาอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญ คือ ค่าเงินบาท
- ถ้า เงินบาทแข็งค่า: ราคาทองในไทยจะขึ้นน้อยกว่าราคาทองโลก
- ถ้า เงินบาทอ่อนค่า: ราคาทองในไทยจะขึ้นแรงกว่า
ในปี 2025 ค่าเงินบาทมีแนวโน้ม “ผันผวนสูง” จากความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจไทย และการเลือกตั้งภายในพรรคการเมือง จึงต้องติดตามนโยบายการเงินของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) อย่างใกล้ชิด
นักลงทุนควรรับมืออย่างไร?
หากคุณเป็นนักลงทุนรายย่อย หรือกำลังพิจารณาว่าจะ “ซื้อทองไว้หรือไม่” ในปี 2025 นี่คือคำแนะนำที่น่าสนใจ:
1. ไม่ต้องรีบร้อน ซื้อสะสมแบบ DCA
แทนที่จะทุ่มเงินซื้อครั้งเดียว ลองแบ่งเงินซื้อเป็นงวด ๆ (เช่น ทุกเดือน) เพื่อลดความเสี่ยงจากความผันผวนระยะสั้น
2. อย่าลืมดูค่าเงินบาท
ราคาทองในไทยไม่ได้ขึ้นลงตามทองโลกเสมอไป หากเงินบาทแข็งมาก อาจทำให้ราคาทองในประเทศนิ่งหรือปรับลงเล็กน้อยได้
3. ถือทองคำในรูปแบบที่เหมาะกับตนเอง
- ทองแท่ง: เหมาะกับผู้ที่ต้องการถือยาว
- กองทุนทอง: เหมาะกับนักลงทุนที่ไม่อยากเก็บทองจริง
- CFD หรือ ETF: เหมาะกับนักเก็งกำไรระยะสั้น
4. มีเป้าหมายในการลงทุน
อย่าซื้อทองเพียงเพราะ “กลัวพลาด” หรือ FOMO ต้องมีเป้าหมาย เช่น
- เพื่อป้องกันเงินเฟ้อ
- เพื่อกระจายความเสี่ยง
- เพื่อเก็งกำไรในระยะกลาง
สรุป: ทองขึ้นหรือทองลงในปี 2025?
จากการวิเคราะห์ทั้งด้านพื้นฐานและเทคนิค คำตอบคือ:
ราคาทองคำในปี 2025 มีแนวโน้ม “ขาขึ้น” อย่างชัดเจน โดยมีโอกาสทะลุระดับ 2,200–2,300 ดอลลาร์ต่อออนซ์ หาก Fed ลดดอกเบี้ยจริงตามที่ตลาดคาด และสถานการณ์โลกยังคงเปราะบาง
อย่างไรก็ตาม นักลงทุนควรบริหารความเสี่ยงอย่างรอบคอบ ไม่ควรทุ่มหมดหน้าตัก ควรมีการติดตามข่าวสารและวิเคราะห์อย่างต่อเนื่อง เพื่อใช้ข้อมูลประกอบการตัดสินใจลงทุนอย่างชาญฉลาด
